จับตาวาระร้อน 29 มิ.ย. ถกจบไม่จบรีดกำไรโรงกลั่น อุ้มค่าน้ำมัน

วันนี้ 29 มิ.ย. วาระร้อนที่ต้องจับตา หลังจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ระบุว่า  การหารือกับกลุ่มโรงกลั่นในการขอส่วนแบ่งกำไรมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบเป็นแสนล้านบาทนั้น ต้องใช้เวลาอีกสักนิดหนึ่ง ตนจะมีการประสานงานหารือกับทุกๆ ฝ่าย ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 29 มิ.ย. นี้หรือไม่ ยังคงต้องรอดู แต่จะพยายามมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจาผู้ประกอบการกลุ่มโรงกลั่น 6 แห่ง คือ 1.บมจ.ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 2.บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC 3.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC 4.บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP 5.บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO และ 6.บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ SPRC เพื่อขอส่วนแบ่งกำไรมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงาน ได้ใช้ระยะเวลาเจรจามากว่า 1 เดือนแล้ว  คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

จากเดิมกลางเดือน มิ.ย. รัฐบาลแถลงว่า การบรรเทาผลกระทบประชาชนเรื่องราคาน้ำมันรัฐบาลได้มีการเจรจากับโรงกลั่นน้ำมัน และโรงแยกก๊าซทั้งหมดที่มีกำไรเพิ่มขึ้นช่วงราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาช่วยเหลือค่าน้ำมันให้ประชาชนส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และลดราคาน้ำมันเบนซิน เป็นเงินรวมเดือนละ 7,500-8,000 ล้านบาท รวม 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย. 65) รวมเป็นเงินที่รัฐบาลขอความร่วมมือจากโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซ 24,000 ล้านบาท

การเก็บเงินจากธุรกิจโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซจากกำไรการกลั่นน้ำมันและการแยกก๊าซ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

1.กำไรจากการกลั่นน้ำมันดีเซลเดือนละ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้จะส่งเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

2.กำไรจากการกลั่นน้ำมันเบนซินจะเก็บจากโรงกลั่นเดือนละ 1,000 ล้านบาท โดยจะเก็บเงินไปชดเชยให้ผู้ใช้ราคาเบนซินและจะลดราคาขายปลีกเบนซินลงลิตรละ 1 บาท

3.กำไรของโรงแยกก๊าซเดือนละ 1,500 ล้านบาท จะเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กองทุนเช่นกันคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ล่าสุดวันที่ 28 มิ.ย. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายว่าในการหารือกับผู้ประกอบการโรงกลั่นในการขอส่วนแบ่งกำไรมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าให้หารือกับผู้ประกอบการเอกชนด้วยความเข้าใจว่า เป็นการขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ส่วนการบังคับใช้กฎหมายขอให้เป็นมาตรการสุดท้ายเพราะจะมีผลกระทบในหลายๆ ด้าน เพราะหากจะใช้กฎหมายจริงจะต้องมีข้อควรระวังในหลายๆ เรื่อง เพราะมีผลกระทบในวงกว้างได้ ทั้งในเรื่องของการลงทุน ในส่วนของข้อกฎหมายเองก็จะมีผลตามมาได้

“การที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ระบุว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของกระทรวงพลังงาน แต่ว่าจะต้องให้มีการทำเป็นเรื่องของลายลักษณ์อักษรด้วยเพราะทุกคนมีอำนาจกันหมดแต่ว่าจะใช้ในช่วงไหน” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่ากองทุนน้ำมันฯ ที่ติดลบเป็นแสนล้านบาท จะต้องมีการของบกลางฯ มาเสริมสภาพคล่องก่อนหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้กระทรวงการคลังได้เข้ามาช่วยแล้ว โดยได้ตั้งเป็นคณะอนุกรรมการทางด้านการเงิน ที่ให้ผู้แทนจากกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญที่จะมาช่วยดูว่าจะเสริมสภาพคล่องอย่างไร เชื่อว่ามีทางออก รวมทั้งการหาช่องทางในการกู้เงินฯ และหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ก็จะใช้มาตรการในรูปแบบการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มแบบพุ่งเป้ามากขึ้น